วันอาทิตย์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ความหมายของถนนรัชดาภิเษก


อ่านเรื่องราวที่อยากนำเสนอ น้านนานแล้ว..แต่ไม่มีเวลาเขียนมันจริงจังเสียที..
วันนี้เย็นโทรหาอาปิงถามเค้าว่า เฮ้ย อาปิง แกรู้ความหมายของถนนรัชดาภิเษกเปล่าวะ...อาปิงตอบว่า น่าจะเป็นเจ้าของห้างรัชดาทำขึ้นมาเปล่า...ชั้นแอบหัวเราะในใจ
ถามต่อไปอีกว่าแล้ว ถนนกาญจนาภิเษกหล่ะ...อืม ไม่รู้จริง ๆ นะ

งั้นคืนนี้อ่านละกันจะได้รู้...จ้าาาาาา คำตอบแบบเหมือนลูกตอบแม่
ทำไมจึงอยากที่จะเขียน...เพราะเชื่อแล้วว่าหลายคนไม่รู้จริง ๆ ..ไม่รู้เพราะไม่ได้ใส่ใจ ไม่ได้คิดว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจ..คนก็แบบนี้ เข้าใจได้

วันนั้นไปแถวอมตะ..ลูกน้องนั่งอยู่ในรถ ผ่านร้านทองชื่อ กาญจนาภิเษก..ใจคิดนะ บ้านนี้แม่งช่างกล้าใช้ชื่อนี่จริง ๆ...เลยถามลูกน้องว่า หมู แกรู้เปล่า ความหมายของคำว่ากาญนาภิเษกเนี่ย...เออน่าจะแปลว่า ผู้หญิงสวยงามมั้งคะ คุณลีลี่..อืม ๆ เอางี้นะ จะเล่าให้ฟัง ....

วันนี้จะเล่าเรื่องถนนสายสำคัญของชาวกรุงเทพฯ และชาวไทยทุกคน..ถนนรัชดาภิเษก ถึง กาญจนาภิเษก...ซึ่งถนนสายนี้ ผัวหมีเค้าสามารถตอบคุณได้เป็นอย่างดี...เพราะชั้นมักจะเล่าให้เค้าฟังเสมอ
ถนนรัชดา..ที่ใคร ๆ ก็เรียกสั้น ๆ แบบนั้น..เมื่อในอดีต ชั้นก็รู้จักถนนสายนี้ เพราะมีร้านอาหารตำหนักไทย ที่เด็กเสริฟใส่รองเท้าสเก็ต..ดังมาก..มีห้างเยาฮัน..มีสถานฑูตจีน...ห้างโรบินสันรัชดา..ศาลอาญา..เยอะอะ จำได้แค่นี้แหล่ะ

ถ้ากลางคืน..สำหรับคนจีนยูนนาน คนจีนไต้หวัน ต่างชาติจะรู้จัก ฮอลลี่วู๊ดรัชดา..อาบอบนวด..คาราโอเกะเหมยฮัวรัชดา..โรงแรมเจ้าพระยาปาร์ค..เท่าที่สมองจะจำได้เนาะ...ร้านขายรถก็เต็มถนนรัชดาสองฝั่ง
กลางวันจะเป็นถนนสายธรรมะ...กลางคืนกลายเป็นแหล่งโลกีย์...

บทความนี้เกิดขึ้นเพราะ ตั้งแต่เห็นถนนกาญจนาภิเษก ก็คิดนะว่า ทำไมต้องมีคำว่า ภิเษก..มันต้องมีไรที่เชื่อมกัน จึงหาข้อมูลอย่างหนัก..เพราะเป็นคนชอบค้นคว้าแบบลับ ๆ

ถนนรัชดาภิเษก เป็นถนนวงแหวนชั้นในของกรุงเทพฯ...ถ้าเราส่องจากดาวเทียมลงมา จะเห็นวงแหวนสองวง ชั้นนอก คือถนนกาญจนาภิเษก..

ทำไมถึงสร้าง...น่านสิ

ย้อนไปเมื่อ ปีพ.ศ2514 ตอนนั้นชั้นยังไม่เกิดหรอก..

ในปีนั้น ในหลวงของเราทรงครองราชย์ครบ 25 ปี..ซึ่งตามธรรมเนียมฝรั่งจะเรียกการฉลองครบรอบ 25 ปีนี้ว่า Silver Jubilee หรือการฉลอง เงิน นั่นเอง...25 ปีคือ เงิน...ในภาษาไทยเราเรียกว่า รัชด หรือ รัชต ที่แปลว่า เงิน..คำนี้มา สนธิ กับคำว่า อภิเษก ที่แปลว่าเฉลิมฉลอง..เลยกลายเป็น คำว่า รัชดาภิเษก... 
ตอนแรก.. อดีตท่านนายกสมัยนั้น จอมพลถนอม กิตติขจร นายกคนที่ 10 ของประเทศไทย..ได้มีความคิดที่อยากสร้าง หอคอย แบบที่ญึ่ปุ่น มีคือหอโตเกียว..หรือไม่ก็ หอไอเฟล แบบฝรั่งเศส..เพื่อเป็นอนุสาวรีย์ถวายแก่ในหลวง

แต่ในหลวงท่านทรงมีความคิดว่า การสร้างอนุสาวรีย์นั้นไม่ได้เกิดประโยชน์ไรแก่มหาชน..จริงอยู่อาจจะสวยงาม ให้นักท่องเที่ยวมาถ่ายรูป ชมทิวทัศน์..และการสร้างก็ต้องใช้เงินมหาศาล..ในหลวงท่านจึงปฏิเสธไป แต่กลับให้แนวคิดว่า...มาแก้ไขปัญหาจราจรให้กับประชาชนดีกว่า..

ด้วยการสร้างถนนวงแหวนเส้นแรกของประเทศไทย..โดยไม่ต้องสร้างใหม่ทั้งหมด..เพราะมีถนนบางช่วง บางตอนอยู่แล้ว เพียงแค่สร้างในจุดที่ขาดหายไปก็พอ...

ถนนรัชดาภิเษกจึงเกิดขึ้น..

จุดเริ่มต้นตั้งแต่ สามแยกท่าพระ..ข้ามสะพานกรุงเทพฯ...ผ่านเจริญกรุง..มายังพระรามที่สี่..เดินมาเรื่อยๆถึงเพชรบุรีตัดใหม่...ผ่านทุ่งนาป่าดอน...เชื่อมไปยังวิภาวดีรังสิต...ผ่านพหลโยธิน...อ้อมไปเรื่อย ๆ ถึงจรัญสนิทวงศ์..และบรรจบกัน อีกครั้งที่ แยกท่าพระ

ระยะทางยาวประมาณ ห้าสิบกิโลเมตรได้...

หลังจากที่ถนนเส้นนี้สร้างเสร็จ..ไม่นานผ่านมาอีกยี่สิบห้าปี..

เมื่อพ.ศ.2539 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองราชย์ครบ 50 ปี..ฝรั่งเรียกว่า Golden Jubilee..ซึ่งแปลว่าการฉลอง ทอง..50 ปีคือ ทอง..ภาษาไทยเราเรียกว่ากาญจน แปลว่า ทอง...สนธิ กับคำว่า อภิเษก..กลายเป็น กาญนาภิเษก ที่เราเรียกกันนี่แหล่ะ

และแน่นอนว่ารัฐบาลก็อยากสร้างอนุสาวรีย์ถวายแด่พระองค์ท่าน..แต่ก็โดนปฏิเสธไปด้วยเหตุผลอันเดิม..และทรงมีพระราชดำริให้สร้างถนนวงแหวนรอบนอกอีกครั้ง..หลักการเดิมก็คือไม่ต้องสร้างใหม่.. แต่ให้เชื่อมต่อเหมือนถนนรัชดาภิเษกนั่นเอง

พวกเราชาวไทยทุกคนจึงได้ใช้ถนนกาญจนาภิเษกเฉกเช่นทุกวันนี้..

ซึ่งถนนสองเส้นนี้มีความสำคัญและเป็นประโยชน์ต่อชาวกรุงเทพฯ และ ชาวต่างจังหวัด..เมื่ออดีตการที่จะคนต่างจังหวัดจะไปยังอีกจังหวัดหนึ่ง ต้องขับรถฝ่าดงรถติดเข้ามาในเมือง เพื่อข้ามไปยังอีกจังหวัด...ซึ่งชาว กทม เองก็รถติดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว...

หลังจากที่มีถนนเส้นนี้ใช้ ก็ไม่เกิดปัญหานี้อีกเลย...ซึ่งเชื่อว่าหลายๆคนคงรู้สึกอย่างงั้นเช่นกัน
ทุกๆครั้งที่ชั้นกะผัวหมี ขับรถผ่านถนนรัชดาฯก็ดี ผ่านกาญนาฯก็ดี...ชั้นจะถามเค้าเสมอว่า..ไหนลองเล่าซิ ว่าถนนนี้มีนิทานความเป็นมายังไง...หมีเค้าตอบได้หมดเลยนะ ขอบอก..มันเป็นความภูมิใจของชั้นจริงนะ..ที่บอกเล่าเรื่องราวแบบนี้ให้คนรอบข้างฟัง

เล่าอีกนิดก่อนจากกัน..

บทความนี้อาจจะใช้คำราชาศัพท์ที่ไม่ถูกต้องนัก..คือเขียนแบบบ้าน ๆ แบบว่าเล่าสู่กันฟัง..เพื่อให้เข้าใจง่ายที่สุดในการถ่ายทอด..

ขอให้มองถึงความตั้งใจที่อยากจะเล่ามากกว่ามาจับผิดกันในการเขียน..

สำหรับมิสทุยแล้ว...มีความรู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นของพระเจ้าอยู่หัว
อยากจะบอกว่ารู้สึกตัวเองและครอบครัวโชคดีที่ได้เกิดในผืนแผ่นดินไทย..และภูมิใจเสมอที่จะเล่าเรื่องถนนนี้เป็นร้อย ๆ ครั้ง

วันศุกร์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2559

เจ๊าะแจ๊ะจีน ตอน "จีนกับแบรนด์ของบุหรี่ที่แพงที่สุดในโลก"



เจ๊าะแจ๊ะจีน..วันนี้ 2-6-2559
นานแล้วนะที่ มิสทุยไม่ได้เขียนไรในช่วงนี้...ยุ่งมาก
กลับมาอีกครั้งกลับเรื่องราวดี ๆ เช่นเคย..ตามมา

...ถ้าหากบนโลกนี้ ผู้ชายส่วนใหญ่ใช้แบรนด์เนม บ่งบอกถึงสถานะ ฉันใด...ที่จีน กลับใช้ บุหรี่ บ่งบอกถึงสถานะฉันนั้น..

ใช่..อ่านไม่ผิด

วันนี้จะพาทุกคนมาเปิดหูเปิดตา กับ

บุหรี่ที่แพงที่สุดในโลกก็ว่าได้..เพราะชั้นยังไม่เคยเห็น บุหรี่ ไหนแพงขนาดนี้มาก่อนเลย ...ให้ตายเถอะ

ก่อนอื่นต้องขอเกริ่นเรื่องบุหรี่นิดนึง..

ตอนแรกยังงงว่า ไอ่คำว่า ยาสูบ กะ บุหรี่ต่างกันยังไง..ตอนนี้ได้คำตอบแบบง่ายคือ ใบยาสูบคือไอ่ใส้บุหรี่ ..สมัยก่อนมีไม่มีบุหรี่ทันสมัยแบบปัจจุบัน...หลังจากเก็บเกี่ยวใบยาสูบ ก็เอามาตากแห้ง มารมควัน..เอามาบด หั่นเป็นฝอย ๆ..แล้วใช้ใบตอง หรือไม่ก็กระดาษม้วนเอา...แล้วก็ดูดจู๊ด ๆ..พ่นควันออกมา อ้าาาาา...มะเร็งอร่อยแท้

ยาสูบเข้าไปที่จีนเมื่อศตวรรษที่ 17 สมัยราชวงศ์หมิง..ตั้งแต่นั้นมาถึงวันนี้ จีนได้ครองแชมป์สิงห์อมควันมากที่สุดในโลก..ซึ่งมีประชากรที่สูบบุหรี่มากถึง 1/3ในของประชากรในประเทศ...ความต้องการที่มีมากขึ้นทวีคูณทุกปี...ทำให้แทบจะทุกมณฑลในจีน มีโรงงานยาสูบของตัวเอง..
แบรนด์ต่างๆมีเป็นพันเวอร์ชั่นที่แข่งขันกันอย่างดุเดือด...

ทำไมบุหรี่จึงได้รับความนิยมขนาดนั้น..ก็เพราะว่า บุหรี่ เป็นตัวแทนของวัฒนธรรมจีนอีกอย่างที่บนโลกนี้ไม่มี..นั่นคือ การแบ่งปันบุหรี่นั่นเอง..ฝรั่งมีวัฒนธรรมในการใช้เหล้าในการดื่มอวยพร แสดงความเคารพคนอื่น..ส่วนจีนก็ใช้ บุหรี่นี่แหล่ะ เป็นการแสดงความเคารพคนอื่นเช่นกัน

คนจีนเวลาเจอกัน มักจะใช้บุหรี่ของตัวเอง มาแบ่งให้อีกฝ่าย..และแน่นอน บุหรี่ บ่งบอกถึงสถานะ.. อาชีพ..และรสนิยมของเจ้าของได้เป็นอย่างดี..และคนจีนก็เชื่อว่า การที่ทำให้อีกฝ่ายเริ่มรู้สึกเป็นมิตร รู้สึกอบอุ่น บุหรี่ นี่แหล่ะ คือจารบีหล่อลื่นความสัมพันธ์ชั้นดีเชียวหล่ะ...

ถ้าใครที่ลืมแบ่งปันบุหรี่ให้กับอีกฝ่าย..ถือว่าเป็นการเสียมารยาทมากเลยทีเดียว..
หากเราดูหนังจีนจะเห็นภาพผู้ชายสูบบุหรี่อย่างเท่ห์เลย...ค่อยๆพ่นควันออกมาอย่างสบายอารมณ์...สักพัก จะมีผู้หญิงใส่กี่เพ้า ปากแดงๆ ตูดโด่ง ๆ...เดินมาแต่ไกล ..ใช่มะ...พอโบกมือปุ๊ป ขนจั๊กแร้ ยาวเฟื้อยเลย..เอ้ย เริ่มไปไกลละ

แม้แต่ผู้นำประเทศ ไม่ว่าจะเป็นทั่นเหมาเอย..เติ้งเสี่ยวผิงเอย..หรือแม้แต่ผู้นำเกาหลีเหนือคิมจองอิล ที่ได้ขนานนามว่า เป็นชายที่สูบบุหรี่น่ารักที่สุดในโลก...คีบบุหรี่ทุกครั้งที่มีการเจรจาการเมือง

คนทั่วไปเมื่อเห็นผู้นำประเทศมีรสนิยม อย่างไร ก็มักจะเกิดพฤติกรรมการเลียนแบบเกิดขึ้น...นี่แหล่ะที่ทำให้ชายจีน ต้องสูบบุหรี่ แสดงถึงความเป็นผู้นำ เท่ห์ มีวิสัยทัศน์...ยิ่งถ้ามีตังค์ต้องพกบุหรี่แพง ๆ โชว์สาวถึงจะขลัง

ราคาบุหรี่ในจีน มีการแบ่งเรทราคา ห้าระดับ ตั้งแต่50 -200 หยวน..300-500หยวน..500-800หยวนและ 900 อั๊พ





ส่วนเรทราคาที่ขายดีที่สุดคือ 180-300 หยวนต่อแถว..ลองเอาเงินไทย ราวๆ5บาทคูณเข้าไป..แพงใช่ย่อยนะ และวันนี้ ถ้ามาแนะนำไรกระจอกๆแบบนี้คงไม่ใช่ เจ๊าะแจ๊ะจีนของมิสทุยแล้วหล่ะ..






เออ เกือบลืมบอกไปว่า..ที่จีน การปั่นราคา การสร้างกระแส ของเค้านี่สุดยอดละ..และแน่นอนว่า ยาสูบที่เค้าเก็บเกี่ยวในแต่ละปี ก็มีคุณภาพที่ต่างกัน..อีกทั้งกรรมวิธีของการผลิตที่มีโนว์ฮาว การแต่งกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ต่างกัน..นี่ก็เป็นอีกปัจจัยที่ราคามันแพง..

ส่วนการออกแบบชื่อ..โลโก้..แพ็คเกจจิ้ง..เหล่านี้ จีนจะให้ความสำคัญมาก..และเน้นการออกแบบในสไตล์แบบชาตินิยม..มักจะใช้ชื่อสถานที่ดังๆในประวัติศาสตร์..อะไรก็ได้ที่แสดงความเป็นจีน ที่เห็นปุ๊ปไม่ต้องเดา ไอ่นี่ของจีนแน่นอน เช่น แพนด้า..อะไรเงี๊ยะ

ส่วนสีก็แน่นอนเลย สีแดง..สีทอง ยอดนิยม

ต้องมีคนอยากรู้ว่า แล้วคนจีนไม่นิยมบุหรี่นอกหรือ...ตอบ ไม่..เพราะคนเหล่านี้เค้าผูกพันกับคำว่า สมุนไพรจีนมาแต่เกิด..ดังนั้นอะไรที่เป็นของนอก เช่นยารักษาโรคของตะวันตก เค้ากลับไม่นิยมเลยนะ..และคนจีนก็เชื่อและฝังใจว่าบุหรี่เค้า ออร์แกนิค นิโคตินน้อยมาก..นี่เป็นอีกเหตุผลที่บุหรี่นอก ขายไม่ดีในจีนเลย

เอาหล่ะมาดูภาพบุหรี่ในฝันของเรากันเถอะ...อย่าตกใจนะยะ

เออลืมเล่าอีกเรื่อง..คนจีนบอกว่า บุหรี่ต้องของเมืองยูนนาน เหล้าต้องของเมืองกุ้ยโจว..ส่วนชาต้องผู่เอ่อร์...เวลาคุยกะคนจีนแบบนี้ พวกเค้ากริ๊ดแน่ ๆ...ประมาณว่า แสนรู้จริงนะ คิคิ

จะบอกว่า..ตอนนี้บุหรี่กลายเป็นการโชว์ออฟเพื่อเกทับกันด้วย..เวลาที่เราไปดิลงานที่เมืองจีน ในโรงงานจะมีมีบุหรี่สองแบบที่เตรียมพร้อมสำหรับแจก...ของดีหน่อย ก็ยี่ห้อ จงหัว ..และต้องเป็นซองอ่อนเท่านั้นนะ ..ยี่ห้อนี้ไว้แจกพวกผู้บริหารระดับสูง..ลูกค้า..และเจ้าหน้าที่รัฐ ยี่ห้อทั่วไปไว้แจกคนทั่วไปที่ไม่ค่อยมีความสำคัญมากนัก...

อย่างเวลาที่ไปงานเลี้ยงหรือ การเจรจาธุรกิจ...บุหรี่ ก็เป็นเสมือนหน้าตาของเจ้าของ..ถ้าคนที่เค้ายื่นให้เรา ใช้บุหรี่แพง ๆ เราจะไม่กล้าเอาบุหรี่ของเราออกมายื่นให้เค้าเลย...ก็กลายเป็นการเกทับกันในเรื่องของหน้าตานะ...มันเป็นวัฒนธรรมที่อาจจะดูแย่นิดนึง แต่มันเป็นมาแล้ว ก็ต้องรับสภาพกันไป..คงยากที่จะไปเปลี่ยนทัศนคติแบบนี้..เพียงแต่เรามองและรับรู้ด้วยความเข้าใจ วัฒนธรรมแต่ละประเทศมันต่างกัน..ไม่มีใครถูกใครผิด..ถ้าเข้าใจบริบทนี้ ทำการค้ากะคนจีนก็ง่ายขึ้นเยอะเลย

ราคาที่เขียนคือต่อแถว...บุหรี่ขายเป็นแถว หนึ่งแถวมีสิบซอง..ไปหารเอาเองเถอะ ว่าราคาต่อซองเท่าไหร่..เคร ๆ ๆ ๆ จบละ

Lily

เจ๊าะแจ๊ะจีน & รีวิวเว่อร์ by เจ้ลีลี่
https://www.facebook.com/lilydiary/


วันพฤหัสบดีที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2559

เวลาที่คุณเจอวิกฤติ อย่ามัวเสียเวลาไปโทษฟ้าดิน


สมองช่วงนี้ทำงานหนักมากทีเดียว..คนนอก ดูเหมือนชิล ๆ เนาะ..
อ่านบทความเยอะมาก..และต้องทำการย่อยความคิดของผู้เขียนบทความ มาเป็นของตัวเอง..ยาก เพราะเป็นภาษาจีน นี่แหล่ะ

บางทีแม่ชั้นยังบ่นเลย อ่านไรเยอะแยะทุกวัน..แม่!!!! การจะเขียนไรที่เป็นเรื่องยากให้คนเข้าใจ เหมือนเคี้ยวอาหารในปากให้เละ แล้วป้อนต่อเลย..

คนจีนมีบทความเป็นหมื่น ๆ เรื่อง..ต้องอ่านที่ตัวเองชอบจริง ๆ
นี่คือความโชคดีที่ได้เปรียบเรื่องภาษานะ..

ในไทยคนเก่งจีนเยอะอยู่ แต่ดั้นไม่ค่อยจะเก่งในการเขียนภาษาไทยนี่สิ..การจะเอาภาษาจีนมาเขียนให้คนไทยเข้าใจในแบบที่จีนต้องการจะสื่อสาร...บอกเลย น้อยคนทำได้

มีคนมากมายอยากให้เขียนเรื่องเศรษฐกิจไทย..บอกตามตรง ไม่อยากวิจารณ์ ...เพราะคนไทย เป็นคนที่รับความจริง ความตรง ความแรง ไม่ค่อยได้กัน..ถึงมีคำว่า ดัดจริตประเทศไทยไง

ถ้าในแง่ที่ตัวเองทำธุรกิจอยู่..สิ่งที่เจอคือ ความเงียบสงบของออเดอร์..ไม่กระฉูดเหมือนที่ผ่านมา..
ทุกวันนี้ใครถาม เป็นไง ดีไม๊...งั้น ๆ ขอแค่ประคองให้ธุรกิจรอดในปีนี้ เป็นใช้ได้...ปีที่แล้วว่าแย่ ปีนี้แย่กว่า...ลองไปเดินห้างสิ จะรู้เลย..ขนาดเอ็มเคยังสะเทือน..เข้าสู่หลักทรัพย์เรียบร้อย แต่ไม่หวือหวาเท่าที่คาดหวัง

แต่เป็นความโชคดีของชั้น ที่ชั้นมีสินค้าใหม่ ๆ มาป้อนตลาด..ไม่ใช่รองเท้า แต่ไม่เปิดเผย

คือคนเราเนี่ย เวลาที่คุณเจอวิกฤติไรก็ตาม อย่ามัวเสียเวลาไปโทษฟ้าดิน ...เอาเวลานั้นมามองหา สินค้าใหม่ ๆ ดีกว่า..และเป็นความโชคดีที่ สินค้าของชั้น ในไทยยังไม่มี..จึงมีความสามารถที่จะทำเงินได้พอสมควร

ชั้นจะเปิดเผยให้คุณเห็น ก็เท่าที่ชั้นอยากให้คุณเห็น เท่านั้นเอง...นี่คือความจริงของมนุษย์

อย่างที่บอก ถ้ามีเทคนิคทำเงิน ใครจะบอกคุณ..ขนาดพี่น้องยังไม่รู้เลย
ดังนั้น ไอ่ที่มาบอกว่าสอนรวย ...เป็นไรที่พื้น ๆ หาอ่านได้ตามซีเอ็ด ...สมัยนี้ มีไรบ้างที่หาอ่านไม่มี บอกหน่อย...ก๊อปกันไป ก๊อปกันมา

บางธุรกิจก็อยู่ได้อย่างดีเยี่ยม...เช่น ธุรกิจมวย ฟิตเนส...ขายพวกเสื้อกีฬา อะไรเงี๊ยะ ...เทรนด์คนรักสุขภาพมาแรงมาก

ตอนนี้ยังมีกระแสหากินกะคนรูปแบบใหม่ ดูลายนิ้วมือเด็ก...เฮ้อ สงสารคนไทยจริง ๆ ...จะไปดูทำไมไอ่ลายนิ้วมือหน่ะ...คนเป็นลูก เค้าชอบไร คนเป็นพ่อแม่จะไม่รู้เชียวหรือ

ธุรกิจนี้ชั้นไปสัมผัสมันเมื่อตอนซีพีนำเข้ามาแรก ๆ เลย...จำได้ตอนนั้นไปสมัครงาน เพื่อนไต้หวันพาไป ที่ตึกปัจจทรัพย์...นานมาก ต้องไปถามป้าพราวละว่าปีไหน

เพราะป้าพราวจ่ายเงิน เพื่อสแกนลายนิ้วมือ ...เค้าจะวิเคราะห์ออกมาเลยว่า ลายแบบนี้ สมองส่วนไหนทำงานดี มีลักษณะคล้ายสัตว์ตัวไหน...สัตว์ที่ว่า มีห้าแบบ..ชั้นจำได้ ป้าพราวคือ ห่านป่า และนกยุง
แล้วก็วิเคราะห์ว่า อีห่านป่า คือนิสัยยังไง เหมาะกะการทำอาชีพไร ที่จะดีจะเด่น...บอกมาเกือบสิบอาชีพ
ไม่มีคำว่า แน่นอน ...ทุกวันนี้ป้าพราว เธอไปเป็นเจ้าของธุรกิจโรงแรม ไม่เกี่ยวไรกะอีห่านป่า อีนกยุงที่ว่ามาสักนิด

ความรักของชอบของคน แปรผันไปตามเวลา และสิ่งแวดล้อมเสมอ...

เมื่อตอนเด็กๆ ชั้นมักจะบอกเสมอว่าโตมาอยากเป็นนักวิศวะ แต่โตมา กลับทำแม่งทุกอาชีพ..บอกตามตรง ไม่มีไรที่มันใช่จริงๆ...แต่ทำได้ทุกอย่าง

การดูลายนิ้วมือ กะ การดูโหวงเฮ้ง พอ ๆ กัน

คนจีนใช้หลักสถิติของการจดบันทึก ว่าคนหน้าแบบนี้นะ หูแบบนี้ ปากแบบนี้ ตาแบบนี้ จะเป็นไง...สถิติ คือตัวเลขที่อ้างอิงตามตัวเลข คนหมู่มาก

เอาง่าย ๆ เลย หน้าตาแบบทักษิณ ตามตำราคนจีนคือหน้านายพล มีบารมี ทำงานใหญ่...ใช่
แต่ รปภที่โรงงาน หน้าบานแบบนั้นเป๊ะ ๆ...ทำไมเป็น รปภ หล่ะ

จริง ๆ แล้ว พ่อแม่เองนั่นแหล่ะ ที่ไม่กล้ายอมรับความจริง ...วิทยาศาสตร์ก็มีบทพิสูจน์เขียนไว้มากมาย สมองซีกไหน ทำงานดี จะเก่งด้านไหน...ทำไมคุณไม่อ่าน. แต่แค่อยากได้ใบเซอฯ ว่าชั้นได้พาลูกไปตรวจลายนิ้วมือ จ่ายค่าซินแสแล้ว

ถามจริง...ถ้าเครื่องคอมพิวเตอร์สแกนอ่านค่าผิด คุณก็เชื่อตามรีพอตที่ปริ้นออกมา...แล้วไปบังคับ เพราะคิดว่านี่คือการส่งเสริมลูกให้เก่ง

คิดดูลูกคุณจะน่าสงสารแค่ไหน...หรือคุณคิดว่า คอมฯ ไม่มีทางพลาด
ชั้นเชื่อในกฎของธรรมชาติเสมอ

ในอดีตเราไม่มีสิ่งเหล่านี้ เรายังอยู่ได้...ตอนนี้โลกเพี้ยน อะไรที่ทำออกมาหาเงินได้...ทำหมดเลย
และทุกอย่างก็กลายเป็นเหยื่อของการตลาด...ที่ใช้โค้ช ใช้คนดังมาโปรโมต...เอาเถอะ มีตังค์ก็ใช้ไป
ไม่ผิด ไม่มีใครผิด....แต่ผิดที่ว่า ไอ่คนที่ไปทำมา ก็มาทับถมลูกชาวบ้านที่เค้าไม่มีปัญญาไปทำ...
ไม่รู้ว่า ใคร โง่ กันแน่

ตอนนั้นชั้นเคยถามพี่ผู้จัดการว่า ทำไมถึงมีแนวคิดนี้...ที่นำสิ่งนี้มาไทย

คำตอบคือ เค้าเล่นหมากฮอสกันกะเด็ก แล้วแปลกใจทำไมเด็กพวกนี้เก่งหมากฮอสกัน ...เลยว่ามันต้องมีไรพิศดาร เลยทำการสแกนลายนิ้วมือ...ผลปรากฎว่า เด็กพวกนี้ที่ลายนิ้วมือออกมา มันมีการอ่านค่า เหมือนกัน...อนุมานได้ว่า ลายนิ้วมือนี่แหล่ะ สามารถวิเคราะห์สมองเอย ความเป็นอัจฉริยะของเด็กคนนั้นได้

เพื่อว่า พ่อแม่เด็กจะได้เข้าใจว่า ทำไมเด็กถึงเรียนไม่เก่ง...ถ้าวิเคราะห์ออกมาแล้ว อาจจะเก่งด้านดนตรี กีฬา ก็ว่าไป...จะได้สนับสนุนถูก

วันนี้มันถูกนำออกมาขายอีกครั้ง...โดยวิธีการใหม่
ชั้นถือว่าโชคดีนะ ที่ได้ไปสัมผัสมันก่อนใครเพื่อน...แต่มันไม่ใช่จริต เลยไม่ได้ทำตรงนั้น
อยากบอกพ่อแม่ว่า ถ้าคุณมีตังค์ ทำเถอะ...จะได้สบายใจว่าอยู่ในเทรนด์...

ถ้าพ่อแม่ไม่มีตังค์ อย่าคิดมากเลย...เพราะลูกของคุณ เค้าชอบไร...เค้าจะบอกคุณเอง...ขอเพียงคุณเปิดใจรับฟัง...คนเราชอบไร มักหมกมุ่นกะสิ่งนั้น ถ้าตาไม่บอด ยังไงก็เห็น

...คนจีนบอกว่า...兒孫自有兒孫福 แปลว่าลูกหลานเค้าพกบุญวาสนาของเค้ามาแล้ว...หมายความว่า เด็ก ๆ เค้าจะกิน จะใช้ จะเป็นไร ในอนาคต ...เค้าเตรียมมาหมดแล้ว คนเป็นพ่อแม่อย่ากังวลเลย
บางทีการที่พ่อแม่มีให้มากเกินไป...มันทำให้ลูกของเรา อ่อนแอเกินกว่าจะต่อสู้กับสังคมปัจจุบันนี้นะ
จริง ไม่จริง...เราไม่ต้องเถียงกัน

แค่อยากจะแชร์ให้ฟัง...


Lily


Facebook.com Fanpage : เจ๊าะแจ๊ะจีน & รีวิวเว่อร์ by เจ้ลีลี่
https://www.facebook.com/lilydiary/

Blog : Lilydiary
https://lilydiarys.blogspot.com