วันพุธที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

นิราศนิวยอร์ค ตอน : เม้าท์กะสจ๊วตบนเครื่องบิน


วันก่อนอยู่บนเครื่องได้นั่งเม้าท์กะสจ๊วตบนเครื่องบิน
..ซึ่งคนที่นั่งเครื่องนาน ๆ จะรู้ว่า ต้องลุกขึ้นยืนบ้าง เดินบ้าง เพื่อให้เลือดลมไหลเวียนดี
ไม่งั้นเท้าจะบวมได้นะ..

เดินไปที่หางเครื่องบิน ซึ่งจะเป็นที่เก็บพวกอาหาร เครื่องดื่มของคนทั้งลำ..ตรงนั้นจะมีห้องน้ำด้วย
สจ๊วตหนุ่มอายุยี่ห้า หล่อมาก เสียงนุ่มนิ่ม ไพเราะ ทักมาว่า ต้องการไรไม๊ครับ..ไม่ค่ะ แค่อยากเดินเล่นหน่ะ

ชั้นบอกกะเค้าว่า เนี่ยอยากรู้ว่าปกติพวกแอร์นอนที่ไหนกัน..อยากรู้มาก ๆ..แต่เค้าไม่บอกทันทีนะ
เค้ากลับตอบว่า มันเป็นความลับของสายการบิน ไม่อาจจะเผยได้..อืม คนจีนนี่มันพวกหัวโบราณ
นิยมจริง ๆ..ชั้นก็ยักไหล่ อะเคร ไม่บอกก็ไม่เป็นไร

สักพักเค้าก็เอาใบสมัครมาให้กรอก เพื่อทำบัตรสมาชิก ชั้นก็กรอกให้นะ..เค้าสงสัยว่าทำไมชื่อไทย พูดจีนได้คล่องจัง..บอกว่า นี่คนไทย เชื้อชาติจีนจ้า

คุยไปคุยมา...เค้าก็เล่าชีวิตให้ชั้นฟังเล็กน้อย..จากคนที่อยากเป็นครู อยู่ดีดีมาเป็นสจ๊วต ..เพราะรายได้ดี แต่เหนื่อยมาก

ชั้นถามเค้าว่า ดูเธอไม่น่าใช่คนกวางตุ้งนะ เพราะสำเนียงเธอไม่ใช่เลย พูดจีนกลางชัดจะตาย..เค้าผงกหัว ใช่ ผมเป็นคนซานตง ..อืม ซานตงชั้นเคยไปนะ เมื่อเจ็ดปีที่แล้ว..เมืองเล็กในมณฑลซานตง ชื่อว่า เหอเจ๋อ ..โอว์ จริงอะ ผมนี่เกิดที่เหอเจ๋อเลยนะเนี่ย

เออนะ คนเรามันมีวาสนาต่อกันจริง ๆ..

พี่ลีลี่ไปทำไรที่นั่น..เพราะปรกติเวลาเราคุยกะใคร เราจะพยายามเรียกชื่อฝ่ายตรงข้าม เพื่อให้เกิดความคุ้นเคยกันมากขึ้น ชั้นเรียกเค้าว่า อาเฟย..บอกเค้าว่า ชั้นชื่อลีลี่นะ เรียกพี่ลีลี่ละกัน..

ชั้นบอกว่าครั้งแรกไป ไปเอาตัวอย่างสินค้า นอนวันเดียวก็บินกลับแล้ว..ครั้งที่สองไป ไปสั่งสินค้าและพักยาวเลย สองอาทิตย์คนเดียวที่นั่น...หือ ทำไมใจกล้างี้หล่ะ

ชั้นบอกเค้าว่า เมื่อก่อน ชีวิตชั้นมันไม่ได้มีค่างวดอะไร คือไปไหนก็ไ่ม่ต้องคิดไรมาก ...什麼都沒有 只有爛命一條。 ไม่มีไรเลย มีแต่ชีวิตเหี้ยๆชีวิตนึงเท่านั้นเอง ใครจะทำไรชั้นเล่า..ขำ คิคิ

เราคุยกันเรื่องชีวิตคนจีน อุปนิสัย..ขากถุยเอย ไม่อาบน้ำเอย ไม่รีดผ้า..สารพัด
ชั้นยังบอกเค้าว่าเนี่ยตอนนี้กำลังเขียนบล๊อคเกี่ยวกะคนจีน..เลยเล่าให้เค้าฟัง เค้าตื่นเต้นเชียว..ไม่คิดว่าเรื่องราวที่มันธรรมดาๆในจีน กลับมีมูลค่ามหาศาลในแง่ของความรู้

ชั้นยังบอกเค้าว่าตอนนี้กำลังวิจัยเรื่องแมงสาป..ว่าจะเขียนเรื่องนี้อย่างจริงจัง...ทั้งที่ชั้นเกลียดแมงสาปมาก..แต่มันเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์สำหรับคนไทยจริง ๆ
ถ้ามีโอกาสชั้นจะมานั่งสัมภาษณ์คนคนนึงที่เชี่ยวชาญเรื่องนี้ที่จีน..ดีเทล ไม่ขอเล่าเยอะนะ
อาเฟยตอนแรกท่าทีออกแนวกั๊กๆหน่อย เพราะพวกนี้ต้องป้องกันข้อมูลของสายการบิน..นานไป คนเราพอเริ่มสนิทกันละ ถามไรก็ได้คำตอบตามนั้น...

สิ่งที่ชั้นกริ๊ดมากที่สุดคือ เค้าเปิดห้องนอนของแอร์ให้ชั้นได้เห็นด้วยแหล่ะ..เค้าบอกว่า ห้ามขึ้นไปนะ แต่ให้รู้ว่าสภาพมันเป็นไง..อืม ขอบคุณมากเลยนะเฟย


จริง ๆ มันเคยมีนักข่าวไปทำข่าวเรื่องนี้แหล่ะ..แต่เราไม่รู้ว่ามันอยู่ส่วนไหนของเครื่องบิน ตอนนี้รู้แล้ว..
แอร์กะสจ๊วตจะผลัดกันนอนพักคนละสามถึงสี่ชั่วโมง..ห้องนอนก็จะแบ่งเป็นล๊อค ๆ มีผ้าม่านปิดไว้ เหมือนเวลาเราไปร้านนวดแผนโบราณนั่นแหล่ะ..มีประมาณแปดล๊อคได้..เท่านั้นจริง ๆ

จริง ๆ ชั้นยังบอกเค้าว่าชั้นอยากไปสัมภาษณ์กัปตัน..เค้าบอกว่าไม่ได้ ยิ่งตั้งแต่เกิดเหตุตึกแฝดโดนถล่มที่อเมกา..ทุกอย่างมันตึงเครียดหมด...แต่ถ้าเป็นช่วงเปิดตัวเครื่องบินลำใหม่ แบบนี้เข้าไปพูดคุยได้..
ตอนนี้ทุกสายการบินเคร่งครัดกับกฎระเบียบมาก..แม้แต่เส้นทางการบินยังไม่บอกผู้โดยสารเลย..
ชั้นถามเค้าว่าทำไมแอร์พวกเธอร่างบึกบึนยังรับอะ..คนไทยนี่ผอมเพรียวอย่างเดียวเลย เค้าบอกว่าที่จีนไม่ได้ให้ความสำคัญกะหุ่นมากนัก..ที่เห็นหุ่นบึกบึนนั่น เป็นแอร์รุ่นแม่แล้ว...ทุกคนสามารถเป็นแอร์ได้ถึงอายุ 55 เว้นแต่จะลาออกก่อน

จริงเปล่าที่ว่าพวกแอร์ห้ามใส่แว่นตา หมายถึงสายตาสั้นไม่รับ..ไม่ แต่สายการบินจะให้คุณใส่คอนแทคเลนส์..อืมนะ นี่ชั้นคิดผิดมานานแสนนาน
แล้วอย่างไปอเมกา ได้พักกี่วัน ..สี่วัน

ทำไมไม่รับทำพรีออเดอร์หิ้วเครื่องสำอางหล่ะ...แค่นี้ก็เหนื่อยตายห่าแล้ว อยากพักผ่อน ชมเมืองมากกว่า

แล้วมีการแบ่งพรรคแบ่งพวก หมั่นใส้กันเปล่าเวลาทำงาน...ไม่นะ แต่ผู้หญิงจะหยุมหยิม มีจิกกันบ้าง แต่ทุกคนก็ช่วยกันให้งานเสร็จเร็ว ๆ

ถ้าแต่งงานจะเอาแอร์ด้วยกันมะ...ไม่ ผมอยากได้แม่บ้านที่ดูแลบ้าน เพราะอาชีพนี้บินตลอด จะไม่ได้เจอกันเลย..เหงา

สำหรับจีนการเป็นแอร์ยากมะ...ไม่นะ ชีวิตผมราบเรียบมากเลย เรียนจบ มาสมัครสอบ ได้งาน อบรมหกเดือน ก็บินเลย

ตอนนี้ที่จีนอาชีพนี้ไม่ใช่สิ่งที่วิเศษไรเลย มันแค่อาชีพนึงเท่านั้นเองนะพี่ลีลี่
คำถามที่ชั้นอยากถามมากคือ ทำไมอาหารบนเครื่องแม่งโครตไม่อร่อยเลย...ทั้งที่มีอาหารทะเล ทำไมไม่เสริฟวะ...คืองี้ ชั้นกะอาปิงมีสั่งอาหารพิเศษตอนซื้อตั๋วแล้ว อาหารของเราจึงอร่อยและดีกว่าชาวบ้านนิดนึง..

เค้าบอกว่า มันเป็นการลดต้นทุนอย่างนึงนะ ถ้าเราประกาศว่ามีตัวเลือกเยอะ ต้นทุนจะสูงขึ้น..ขนาดมีมาม่ายังไม่อยากให้ผู้โดยสารเอาไปนั่งกินกะที่เลย..แต่กินหลังเครื่องบินได้ เพราะคนเราถ้าเห็นคนอื่นมี ตัวเองก็จะต้องมีบ้าง..เป็นภาระให้แอร์เลยทีนี้

เค้าถามชั้นว่า ระบบความปลอดภัยที่จีนกะอเมกา ที่ไหนตรวจเข้มกว่า...คำตอบคือจีน
เพราะที่จีน เจ้าหน้าที่จะเอามือลูบตั้งแต่หน้าอกยันจิ๋ม..ผู้ชายนี่โดนจู๋แน่นอน..แต่อเมกาใช้เครื่องเอกเรย์เอา จีนไม่เชื่อเรื่องของระบบไฟฟ้าเหล่านี้หรอก มือลูบได้ฟิลลิ่งกว่าเยอะ
เค้ายังถามอีกว่า พี่ลี่คิดว่าจีนกะอเมกา มีไรที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง

คำตอบคือ แนวคิด ..อเมกาใช้ตรรกะ ไม่มีคำว่าอารมณ์เห็นอกเห็นใจเวลาทำงาน..จีน แม้จะโผงผาง แต่ยังมีน้ำจิตน้ำใจมากกว่าอีก

ครั้งหนึ่งชั้นเคยไปถึงสนามบินก่อนขึ้นเครื่อง สิบนาที..ปรกติปิดแน่นอน เจ้าหน้าที่มันด่าชั้นนะ แต่มันช่วยหารถส่งชั้นไปที่เครื่องบิน..ซาบซึ้งถึงวันนี้

ที่อเมกา วันนั้นชั้นลืมพาสปอร์ตไว้ร้านช๊อกโกแลต ..นึกว่าลืมที่ด่านตรวจ ให้เจ้าหน้าที่ช่วยหา เค้ากลับไม่กระตือรือร้นเลย พอชั้นขอร้องเค้า เค้าบอกว่านี่ปัญหาของคุณไม่ใช่ของชั้น..ในใจนะคิดว่า อีห่าเอ้ย กูรู้แล้ว ถ้ากูมีปัญญาไปตรวจสอบได้ ไม่ต้องพึ่งมึงหรอก..แล้วชั้นก็ยืนข้างหลังมัน มันบอก ถอยไปเดี๊ยวนี้ เหมือนในหนังเป๊ะเลย ประมาณว่า แกจะทำไรชั้น

นี่คือการทำงานที่ไร้อารมณ์อย่างยิ่ง..ทำงานเหมือนหุ่นยนต์
ในหนังเวลามันพูดกันตรง ๆ..ฉะกันแบบไม่ให้หน้า ก็งี้แหล่ะของจริง
ก่อนจบสนทนา ชั้นบอกว่าอาเฟย...ขอชุดล้างหน้าของชั้นบิสเนสคลาสให้หน่อยเส่...ถ้ามีเหลือนะ ที่อยากได้เพราะมันเป็นของ ซัลวาตอเร่ เฟอร์รากาโม่ไง

เพราะถ้าเต็มทุกที่นั่งก็คงไม่เหลือแน่ๆ..พูดแบบว่าเผื่อได้
เค้าก็เดินมาพร้อมยื่นให้กะชั้น..พี่ลี่ ช่างโชคดีมีเซ็ตเดียวนี่แหล่ะ..กริ๊ด ๆ ๆ
รีบเอาไปอวดอาปิง..เฮ้ยแก ชั้นได้ไอ่นี่ด้วยวุ้ย..เสียดายมีเซ็ตเดียว อยากขอให้แกด้วย
ก่อนลงเครื่อง เรายังเอาขนมยูโร่คัสตาดให้เค้าชิ้นนึง..ขอบคุณที่ให้ความรู้นะยะ

จบละ

ให้เสียงภาษาไทยโดย พันธมิตร

Lily