ตั้งแต่เกิดเรื่องของในกระเป๋าเดินทางโดนขโมยไป..ทำให้ชั้นได้โตขึ้นอีกขั้นจริง ๆ
โตขึ้นเพราะ เราต้องอดทนรอคอยกับการได้รับเงินชดเชย...ไม่รู้ว่าจะมากน้อยแค่ไหน
แต่มันก็ดีกว่าไม่ได้ จริงไม๊
ชั้นโทรไปที่สนามบินเพื่อหาเค้าเตอร์สายการบิน..เจ้าหน้าที่รีบโอนสายให้ทันที นี่คือธรรมชาติคน
ปัดได้รีบปัดเลย..ไม่ฟังหรอกว่าเค้าจะมีส่วนรับผิดชอบเปล่า...จากนั้นไม่มีคนรับสายเลยที่เค้าเตอร์
สายการบิน..
หาต่อไปทางเน็ท..โทรไปก็ไม่รับสาย กดหนึ่ง กดสอง กดศูนย์ ...รีบโอนสายอีก...และที่แผนก
ไม่มีใครรับสาย...ดังแม่งทั้งวัน
เคยเจอแบบนี้เปล่า...คุณจะทำไงต่อไปดี..ยอมแพ้งั้นหรือ..
โทรไปสามครั้งถึงติด...ทีนี้ได้คุยกะป้าแก่ๆสักคนนึง..บอกให้โทรไปที่เค้าเตอร์สุวรรณภูมิ...
ชั้นบอกว่า ขอเบอร์มือถือผู้รับเรื่องเลยดีกว่า เพราะเคยโทรแล้ว ไม่มีใครรับสายจริงๆ...มัวแต่ปลูกผักแน่ๆ
จำไว้เลยว่า เวลาที่เราติดต่อไรกะใคร ขอชื่อขอแซ่มันไว้ซะ..เวลาติดต่อไปอีกครั้งจะได้ หาได้ถูกคน ไม่ต้องรอสายโอนไปโอนมา..จนอยากปามือถือทิ้ง
ได้มาสองเบอร์มือถือ...ตามคาด ไม่เคยว่างเลย สายแรก..ลองเปลี่ยนอีกเบอร์...ว่างละ..ผู้ชายคาดว่าน่าจะเป็นหนุ่มอายุน้อย...เค้าบอกว่าพี่รบกวนเขียนอีเมล์มานะครับ..แนบนี่ๆๆๆมาด้วย
หนึ่ง...พาสปอร์ต สอง...บอร์ดดิ้งพาส สาม...แทกที่ติดกระเป๋าเดินทาง..สี่...ใบเสร็จ...ห้า..เขียนสตอรี่มาเลย ว่าเป็นไง มาไง ของถึงหายได้...ดีนะ ชั้นมันนักเล่าเรื่องอะ
ถ้าเป็นคนที่เค้าไม่สันทัดในการเขียนนี่คงจะเล่ายากนิดนึง...วันหลังใครเจอแบบนี้ ขอให้บอกนะ จะช่วยเต็มที่เลย
เค้าก็บอกอีเมล์มาให้ชั้น...ดั้น บอกผิดอีก..ก็ว่าส่งไม่ผ่าน
แต่ดีที่ชั้นถามชื่อแซ่เค้าแล้วว่าชื่อไร..ตอนแรกเค้าบอกว่า เออพี่ ถ้าใครรับสายพี่ก็บอกคนคนนั้นเลย..ชั้นเลยถามกลับไปว่า เรื่องเดิมๆ จำเป็นต้องเล่าอีกกี่ครั้งถึงจะจบ...ทำไมน้องไม่รับเรื่องไว้หล่ะ จะได้จบที่คนคนเดียวไง...นี่สายการบินคุณห่วยแตกนะ ไม่ใช่ความผิดพี่
บางที คนเราต้องโหดบ้างนะ..โลกมันโหดร้ายเกินกว่าจะมาเป็นคนอ่อนหวาน..
เค้าก็อ่อนลงอย่างชัดเจน..ก็ปลอบใจชั้นแหล่ะ..เค้าบอกว่า เนี่ยก็มีเคสงี้เกิดบ่อยมาก เส้นทางอเมกามาไทยเนี่ยของหายบ่อย..แม่จ้าว ของหายแล้ว ไม่จับขโมยบ้างหรอ
ชั้นก็เข้าใจนะว่า สายการบินหน่ะ เค้าก็ไม่ได้มีพนักงานลำเลียงกระเป๋าเอง ต้องว่าจ้างท่าอากาศยานประเทศนั้น ๆ..แต่ก็ควรจะจับคนร้ายได้แล้วมั้ง..
สิ่งที่ชั้นรู้สึกเจ็บจิ๊ดๆเสมอคือไรรู้มะ..มันมีเวลาค้นหาของในกระเป๋าเดินทาง แม้กระทั่งว่า กระเป๋าตังค์แบบพกพาที่เก็บไว้อย่างดี มีหกใบ มันเลือกไปสามใบ คิดดู..กกนชั้นมันดั้นไม่เอา
นาฬิกาที่เก็บใส่กระเป๋าอีกใบอย่างดี มันเอาไปหมดเลย..น่าเหลือสักเรือนให้กูบ้าง แล้งน้ำใจชิบหาย
แม้แต่กระเป๋าใบใหญ่ของคุณผัวที่อยู่ด้านล่างสุด มันก็สอยไปเสียแล้ว...แค่ลองจินตนาการตอนมันคัดของ ก็สุดจะแค้นใจจริง ๆ นะ
แต่ความจริงคือ มันหายไปแล้วจริง ๆ...ตอนนี้ต้องตั้งสติในการแก้ไขปัญหาเท่านั้น...และชั้นก็ส่งอีเมล์เป็นภาษาจีนไปยังสายการบินเค้า..ยาวพรึดเลย..เค้าก็ตอบมาแบบมารยาทดีตามแพทเทิ้นที่ก๊อปกันมา..ให้ชั้นส่งรายละเอียด เล่าเหตุการณ์อย่างละเอียด และจะให้ชดใช้ไง...ฟังดูดีเนาะ..
ก็ต้องทำ..
ส่วนบัตรเครดิต ก็เป็นอุทาหรณ์ที่ดีว่า เวลาซื้อตั๋วก็ใช้บัตรเครดิตเถอะ..และดูด้วยใบไหนที่ประกันความเสียหายด้วย..อย่างน้อยก็ได้ตังค์มาดมเล่นนิดหน่อยก็ยังดี
แต่บัตรเครดิตก็ไม่ใช่จะเคลมง่ายๆนะ เค้าก็จะต้องให้สายการบินแสดงท่าทีก่อนว่า จ่ายไม่จ่าย จ่ายเท่าไหร่..และเค้าจะจ่ายส่วนต่างอีกเท่าไหร่ ..เคี่ยวพอกัน ไอ่ตอนให้กูสมัครนี่นะ แทบกราบนมกูเลย
แต่ชั้นดีใจนะ...ที่วันนี้ชั้นผ่านเหตุการณ์ที่เลวร้ายได้อย่างไม่สาหัสมาก..ถือว่าก้าวข้ามได้เร็ว..เพราะไรรู้มะ พูดตรง ๆ เลยนะ เพราะความเสียหายนี้ ชั้นสามารถรับมือได้...บอกตัวเองเลย ห้ามจน !
ชีวิตมันมีหลาย ๆ อย่างต้องเจอ...ก็เจอซะวันนี้ก็ยังดี จะได้ตระหนักรู้ได้ว่า อย่าประมาทอีกต่อไป..และดีใจอีกอย่างคือมิตรภาพที่ดีๆของเพื่อนหลายคน...จริงๆชั้นก็ขอบคุณเมย์นะ ที่เค้าฝากซื้อของแต่เค้าก็ยินดีรับผิดชอบช่วย โดยให้คิดเงินตามจริงที่ซื้อมา...ซึ่งของเค้าก็หายไปเยอะเลย แต่นั่นคือน้ำใจที่ให้มา
แล้วจะเล่าเรื่องนี้ตอนต่อไปว่า สายการบินมันช่วยไรได้บ้าง...สำหรับค่าตั๋วสามหมื่นแปดที่จ่ายไป ก็ดูว่าจะแสดงความรับผิดชอบยังไง ก็อยากรู้นะ...จริง ๆ
เรื่องนี้ชั้นก็ยังอยากเล่าให้มันจบแบบบริบูรณ์..แบบว่า นางเอกได้เงินแล้ว ทุกอย่างเคลียแล้ว อะไรเงี๊ยะ..ถ้าจะให้ดีก็ให้ผู้ร้ายโดนจับจะดีที่สุด ไม่งั้น ก็ไม่จบไม่สิ้นซะที...
ตีสามยังไม่อยากนอน...แบบว่าเจ็ทแลค
ชีวิต..ที่แข็งแกร่งเท่านั้น ที่จะอยู่รอดบนโลกใบนี้ได้..
Lily