เมดอินไชน่า..Made in China..ฤาจะหมดมนต์ขลังแล้ว..
ข่าวที่สะเทือนคนจีนหลายล้านคน..เมื่อหงไห่กรุ๊ป เจ้าของแบรนด์ ฟอกซ์คอนน์ OEM รายใหญ่ของโลก ผู้ผลิตชิ้นส่วนไอทีให้กับ แอปเปิ้ลแหว่ง..แดลล์... เอชพี..อีริคสัน..อะซุส...กำลังจะย้ายฐานการผลิตไปที่แดนภารตะ อินเดียทำไมสะเทือน..เพราะถ้าหงไห่มีการจ้างงานเป็นล้านในจีน..ลองคิดดูถ้าคนเป็นล้านอยู่ดีๆ ตกงานขึ้นมา แล้วคนในครอบครัวเค้าหล่ะ..มันจะกลายเป็นความหายนะที่ยิ่งใหญ่แค่ไหน
อะไรทำให้จีนหมดมนต์ขลังได้เร็วปานนี้...
อ่านตามสิ!!!
ด้วยการปั่นราคาที่ดินในจีนที่บ้าคลั่ง ราคาสูงลิบลิ่วแบบโรคจิตเท่านั้นที่จะกล้าซื้อ...ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไร้การควบคุม คนจนไม่มีปัญญาจะแดกไรแล้ว...ภาษีมหาโหด แพ็คแกจที่คุณไม่มีสิทธิ์เลือก มีแต่ผงกหัวจ่ายลูกเดียว..
คุณรู้มะ ค่าแรงของจีนตอนนี้สูงกว่า อินเดียถึง สามเท่าตัว..และสูงกว่าเวียดนาม สี่เท่า..อย่างงี้ใครจะอยู่ได้
คนทำธุรกิจทุกคนก็ย่อมรู้อยู่แก่ใจ ด้วยต้นทุนที่สูงขึ้น ราคาสินค้าเท่าเดิม...กำไรหายหมด..ทำไง ก็ต้องย้ายไปหาแหล่งผลิตต้นทุนราคาถูก...ซึ่งอินเดีย เป็นประเทศที่ได้รับเกียรติอันสูงส่งนี้..
แน่นอน ผู้นำประเทศอินเดียอ้าแขนต้อนรับอย่างดีงาม...เพราะจะมีการจ้างงานเกิดขึ้นล้านอัตรา..ถ้ามาไทย คงกรี๊ดส์ไม่แพ้กัน
ไปเมื่อไหร่..ปี2020ไปแน่ๆ..คาดว่าจะมีโรงงานของหงไห่กรุ๊ปคลอดทีเดียว สิบสองโรงพร้อมกัน...ลองเอาเครื่องคิดเลขจิ้มดู ว่ามีศูนย์กี่ตัว..เผลอๆเครื่องคิดเลขไม่มีพื้นที่พอต่อการคำนวนแน่ๆ
เมดอินไชน่า..ความภูมิใจชาวจีนสิบล้านคน ..อีกไม่กี่ปีข้างหน้า คำนี้ก็คงเป็นได้แค่ตำนาน
ด้วยค่าครองชีพที่ทะยานขึ้นทุกวัน ไม่มีทีท่าจะหยุดลงได้เลย..
ใครทำเป็นผู้ร้ายทำให้จีนเกิดวิกฤติในครั้งนี้
ภาษีตัวดี...ดูตาม
ภาษีมูลค่าเพิ่มในจีน 17% ..เงินประกันสังคม 33% ภาษีเงินได้20%
ดอกเบี้ยเงินกู้จากธนาคาร 10%...จิปาถะค่าใช้จ่าย.เช่นดับเพลิง..การบำบัดน้ำ..ค่าป้ายโน่นนี่นั่น สารพัดจะอ้าง.. ถ้าใครไปโรงงานจีนจะเห็นพวกข้าราชการ วันๆไม่ทำไร มาเยี่ยมโรงงาน ขอบุหรี่บ้าง ขอให้เลี้ยงข้าวบ้าง..ซึ่งขอบอกเลยว่า บุหรี่กระจอกไม่สูบกันนะ..ราคาต่ำต้อยมาก ยังซองละห้าร้อยบาทไทย ลองคิดดู มีหลายทีม วันๆก็ผลัดกันไปเยี่ยมโรงงาน..เพื่อบุหรี่ฟรีนี่แหล่ะ...แน่นอน จ่ายส่วยก็มีทุกที่..แต่ที่จีน เยอะเป็นพิเศษ..ไม่จ่ายเหรอ...ไอ่โน่น ไอ่นี่ไม่ผ่านเกณฑ์..เลือกเอาจะจ่าย หรือจะปิดโรงงาน
ต้นทุนที่แพงแสนแพงจากการขนส่ง
จีนใหญ่มาก ใครๆก็รู้..ต้นทุนค่าขนส่ง เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ผู้ประกอบการปวดหัวที่สุด..ของจากมณฑลหนึ่งไปยังอีกมณฑลหนึ่ง ต้นทุนต้องบวกไปอีกสามเท่า...ไม่งั้นขาดทุนตายกันพอดี..ถ้าน้ำมันราคาขึ้นหล่ะ..ไม่ตายกันหมดหรือนั่น
การหาแหล่งเงินทุนที่ยากยิ่งกว่า..หาเข็มในท้องสนามหลวง
ธนาคารจีนมีแต่จะอุ้มเครือใหญ่ๆ..พวกเอสเอ็มอี นี่ไม่มีใครเห็นหัวเลย...จนเกิดเหตุการที่ตลกน่าขันคือ บริษัทใหญ่กลับมีเงินมากมายไม่รู้จะลงทุนไร เลยเอาเงินกู้ธนาคารมาปล่อยกู้ในอัตราดอกเบี้ยที่สูงแบบนอกระบบ ให้กับพวกเอสเอ็มอี...หัวใสมะ
ธุรกิจอสังหาฯ เชื้อโรคตัวดีที่ทำจีนระสำระส่าย..
ตอนนี้ถ้าใครไปจีน จะพบว่าตึกใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย..แต่..
ขายออกไปจริงๆมีไม่กี่ห้องเท่านั้น...ทุกอย่างเกิดขึ้นจากการปั่นราคา สร้างกระแสหมด..คนส่วนใหญ่เอาเงินที่มี เทหมดหน้าตักไปซื้อคอนโดไว้มากมายหลายยูนิต..จนสุดท้ายเพิ่งรู้ว่าโดนต้ม..ตึกไม่ออก..แต่ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายธนาคาร มันตามตูดมาทุกวัน...เครียดจัดเลยทีนี้..ทำไง หนี้เอ็นพีแอลเต็มบ้านเต็มเมือง
จริง ๆ จะว่าไปแล้ว ไทยก็ไม่ต่างกะจีนเท่าไหร่..ในเรื่องการพัฒนาฝีมือแรงงาน..การยกระดับฝีมือแรงงานไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร...ในขณะที่อินเดีย เค้าเริ่มมีการให้ความสำคัญเรื่องนี้อย่างมาก..เพื่อเป็นตัวเลือกที่ดีในอนาคต
ตอนนี้ก็ต้องดูผู้นำประเทศว่าจะแก้ไขอย่างไร..กับปัญหาภายในประเทศตัวเอง...อีกทั้งการแข่งขันกับโลกภายนอกอีกหลายประเทศ..
และอเมริกากับยุโรปเองก็มีมาตรการจัดการกับจีนอีกรูปแบบในเรื่องของภาษี..จะมีการปรับราคาภาษีของที่นำเข้าจากจีนให้สูงขึ้น..เพื่อลดบทบาทความได้เปรียบในเรื่องค่าแรง อีกต่อไป..
โลกมีการแข่งขันกันดุเดือดขึ้นทุกวัน...
สัจจธรรมขอหนึ่งที่จีรังเสมอคือ...บนโลกใบนี้ไม่มีไรที่แน่นอนสักอย่าง
ดังนั้นถ้าคิดจะขายของไปจีนในยุคนี้ ดูเหมือนจะช้าไปนิดนึงละนะ...เพราะจีนไม่ได้รวยเหมือนที่ผ่านมา...แต่ของถูกและคุ้มค่า ก็ยังขายดี ขายได้เรื่อยๆ..
...บทความดีๆ..หาอ่านได้..จากมิสทุย..เขียนตามอารมณ์..ใครตามก็ได้อ่าน..ไม่ตามก็ถือว่าพลาด
อย่างที่บอก...ไม่มีไรแน่นอนบนโลกใบนี้
สวัสดี
Lily